วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

ค่านิยม12ประการ ข้อ 5

ค่านิยม 12 ประการ ข้อ 5

รักษา วัฒนธรรม ประจำชาติ

วัฒนธรรม คืออะไร?
วัฒนธรรม คือ สิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ หรือเป็นผลมาจากความคิดของคนเรา ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างมีความหมาย บ่งบอกได้ว่านี่แหละคือวัฒนธรรม คือสิ่งที่เราปฎิบัติต่อๆมาโดยวัตถุประสงค์ต่างๆไม่ว่าจะเป็น เพื่อในการดำรงชีวิตของเหล่ามนุษย? หรือเป็นการจัดระเบียบของสังคมของมนุษย์เอง

วัฒนธรรมไทย มีอะไรบ้าง?

แน่นอนว่าถ้าวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เกิดจากความคิดเรา และได้รับการปฎิบัติและดำรงสืบมาจนถึงทุกวันนี้
แล้วสิ่งที่คนไทยปฎิบัติกับสืบต่อมา มีอะไรบ้าง?

การไหว้
สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์สำหรับคนไทย ไม่มีชาติใดในโลกก็คือการไหว้ การไหว้ที่แสดงความเคารพ และเป็นการอวยพรซึ่งกันและกันอีกด้วย

ค่านิยม 12 ประการ ข้อที่ 4

มุ่งใฝ่ เล่าเรียน เพียรวิชา


การเรียน สำคัญแค่ไหน?
ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ
อย่างเด็กๆใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ พวกเขาต้องเสี่ยงออกมานอกบ้านเพื่อที่จะมาเรียนหนังสือ บางพื้นที่ก็แทบจะไม่มีโรงเรียนให้เรียนเพราะโรงเรียนถูกเผา รวมถึงแถวภาคเหนือบนดอย บางพื้นที่ก็ไม่มีโรงเรียน เด็กบางคนครอบครัวก็ไม่มีเงินที่จะส่งลูกเรียน
แต่ก็พยายามหางานทำ ต้องแลกมาด้วยความลำบากเพื่อที่จะได้เรียนหนังสือ

หลายๆคนที่มีโอกาสได้เรียน แต่ ไม่อยากเรียน
พ่อแม่ต้องทำงานหนักแค่ไหน กว่าจะได้เงินมาแต่ละบาทเพื่อที่จะส่งให้เราเรียน ส่งให้เราไปรับความรู้ โดยที่เราไม่ต้องไปขวนขวาย ไม่ต้องลำบากอะไรเลย 
ลองสลับกันดูสิ ให้เด็กที่ไม่มีโอกาสเรียน แต่อยากเรียน มาเรียนแทนเด็กพวกนี้ จะดีขนาดไหน ดังนั้น ถ้าเราได้มีโอกาสเรียนก็อย่าปล่อยให้มันสูญเปล่า

ค่านิยม 12 ประการ ข้อ 3

ค่านิยม 12 ประการ ข้อ 3

กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ 

    • มีเรื่องๆนึง ที่อยากจะเล่า
มีวันนึงที่เราต้องนำเสนองานที่เตรียมไว้ เป็นการนำเสนอในรูปแบบของคำถามหรือเกมให้คนอื่นมาร่วมสนุกไรงี้ หลังจากนำเสนองานเสร็จ จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันที่เหนื่อยมาก มึนหัวมาก แบบเหนื่อยจริงๆบวกกับเลิกเรียนต้องไปเรียนพิเศษอีก ก็เลยบอกแม่ว่า เนี่ย แม่ วันนี้นำเสนองาน ปวดหัวมาก แบบน่าจะเรียนพิเศษไม่ไหว

ความกตัญญู คือสิ่งที่ลูกทุกๆคนควรมีการรู้สึกสำนึกในคุณ ด้วยแสดงความเคารพ นับถือ เชื่อฟัง และช่วยเหลือในกิจการงานต่าง ๆ การกระทำเช่นนี้ ย่อมนำมาซึ่งความสุข ความเจริญ และเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและหน้าที่การงาน ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี
หรือง่ายๆก็คือ ท่านอุตส่าห์เลี้ยงดู ยอมเสียสละหลายๆอย่างเพื่อเรา อดทนต่อความเหนื่อยยากเพื่อเลี้ยงเรา เราจึงต้องตอบแทนสิ่งที่ท่านทำให้เราบ้าง

ความกตัญญู ที่เราสามารถทำได้ง่ายๆทุกวัน เช่น
  • ไหว้พ่อแม่ก่อนไปโรงเรียน
  • พ่อแม่กลับมาจากการทำงานหนัก ช่วยนำน้ำเย็นมาให้ หรืออื่นๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียด ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเพื่อเรา
  • เชื่อฟัง หรือตั้งใจเล่าเรียนในสิ่งที่ครูสอน
  • มีมารยาทในการเรียน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน 
  • และอีกสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้เเล้ว นอกจากจะส่งผลดีต่อเรา ครูบาอาจารย์ก็ได้ภูมิใจและมีความสุขไปด้วยก็คือตั้งใจเรียน ได้ทำงานดีๆในภายหน้า

ขอบคุณข้อมูลจาก ::
www.tamkru.com
เรื่อง กตัญญู (Gratitude) ผู้เขียน: อาจารย์ ทิพมาศ เศวตวรโชติ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราชระดับ: ก่อนอนุบาล อนุบาล ประถมต้น หมวด: ส่งเสริมพัฒนาการ

ค่านิยม 12 ประการ ข้อที่ 2

ค่านิยมข้อที่ 2

ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ดีงามเพื่อส่วนรวม


เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อส่วนรวม เพราะถ้าต่างคนต่างเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่คนอื่นแล้ว ส่วนรวมก็จะเดือดร้อน เมื่อส่วนรวมเกิดความเดือดร้อนเสียแล้ว ความสุขความสงบก็จะเกิดขึ้นได้อย่างไร

ความเสียสละเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐานของผู้ที่อยู่ร่วมกันในสังคม ทุกคนในสังคมต้องมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเสียสละแบ่งปันให้แก่กัน ไม่มีจิตใจคับแคบ เห็นแก่ตัว

ความเสียสละ จึงเป็นคุณธรรมเครื่องผูกมิตรไมตรี ยึดเหนี่ยวจิตใจไว้ เป็นเครื่องมือสร้างลักษณะนิสัยให้เป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนรวมมากกว่าประโยชน์สุขส่วนตัว

การเสียสละเป็นกิจกรรม สำคัญอย่างหนึ่งในสังคม เริ่มตั้งแต่ครอบครัวอันเป็นหน่วยเล็กๆ ของสังคม ต้องเสียสละความสุขส่วนตัวให้แก่กัน เสียสละทรัพย์สินที่หามาได้ด้วยความเหนื่อยยากลำบากให้แก่กัน ทั้งในยามปกติและคราวจำเป็น


วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีไทย รัชกาลที่1

พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ 
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

ขอบคุณรูปภาพจาก www.trueplookpanya.com

 (20 มีนาคม พ.ศ. 2279 —7 กันยายน พ.ศ. 2352พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกในราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันพุธ เดือน 4 แรม 5 ค่ำ ปีมะโรงอัฐศก เวลา 3 ยาม ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม พุทธศักราช 2279 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ขณะมีพระชนมายุได้ 46 พรรษา และทรงย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมาอยู่ฝั่งพระนคร และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับ

พระราชสมภพ

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมว่า ทองด้วง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่20 มีนาคม พ.ศ. 2279 ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์เป็นบุตรคนที่ 4 ของพระอักษรสุนทรศาสตร์ (ทองดี) ซึ่งต่อมาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก

พระเชษฐภคินีและพระเชษฐาและพระอนุชา

  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี
  • พระเจ้ารามณรงค์
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
  • พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
  • สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
และมีพระอนุชาที่เกิดกับคุณหญิงมา ภรรยาคนที่2ของพระอักษรสุนทรศาสตร์(ทองดี)คือ
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าลา กรมหลวงจักรเจษฎา
และมีพระขนิษฐาที่เกิดกับคุณหญิงหยก ภรรยาคนที่3ของพระอักษรสุนทรศาสตร์(ทองดี)คือ
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุ กรมหลวงนรินทรเทวี
เมื่อเจริญวัยขึ้นได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนพรพินิต (ต่อมา คือ สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร) ครั้นพระชนมายุครบ 21 พรรษา ก็เสด็จออกผนวชเป็นภิกษุอยู่วัดมหาทลาย 1 พรรษา แล้วลาผนวชเข้ารับราชการเป็นมหาดเล็กหลวงในสมเด็จพระเจ้าอุทุมพรดังเดิม เมื่อพระชนมายุได้ 25 พรรษา พระองค์เสด็จออกไปรับราชการที่เมืองราชบุรีในตำแหน่ง "หลวงยกกระบัตร" ในแผ่นดินสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์และได้สมรสกับคุณนาค (ภายหลังได้รับการสถาปนาที่ สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี) ธิดาในตระกูลเศรษฐีมอญที่มีรกรากอยู่ที่บ้านอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
www.wikipedia.com

ค่านิยม 12 ประการ ข้อที่ 1


คุณธรรมข้อที่ 1

มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์



เมื่อเราเกิดมาบนแผ่นดินไทย เท่ากับเราเป็นหนี้บุญคุณของประเทศไทย เราจึงต้องทดแทนพระคุณชาติโดยการส่งเสริมและร่วมกันพัฒนาชาติให้ดีขึ้น รวมไปถึงควรภูมิใจในชาติไทยของเราเอง ประเทศไทยของเรานั้นเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ในด้านทรัพยากร สิ่งแวดล้อมธรรมชาติต่างๆ ทำให้เราเกิดมาและอาศัยอยู่อยางสบายและไม่ลำบาก รวมทั้งสมัยก่อนประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร บรรพบุรุษของไทยที่พยายามปกป้องบ้านเมืองของเรา ไม่ให้ถูกเอาเปรียบมาจนถึงทุกวันนี้

การปฎิบัติที่แสดงถึงความรักชาติ
  • การร้องเพลงชาติด้วยความภาคภูมิใจ
  หลายคนมองว่านี่เป็นสิ่งที่ง่ายๆ
  เพราะร้องเป็นมาตั้งแต่เด็ก
  แต่ในชีวิตประจำวันจริงๆ
  ใครร้องเพลงชาติด้วยความสำนึกรัก
  หรือสำนึกถึงบุญคุญของชาติอย่างแท้จริง


ศาสนา 

ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
จริงๆแล้วประเทศไทยนั้นไม่ได้ปิดหั้นหรือบังคับให้นับถือศาสนาเดียวในประเทศ ดังนั้น ประเทศไทย จึง มีประชาชนที่นับถือศาสนาอื่นด้วย แต่ได้ตั้งศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ

คำสอนในศาสนาพุทธ :: 
คำสอนหลักๆในศาสนาพุทธรวมถึงข้อปฎิบัติสำหรับประชาชนทั่วไป ก็คือการนับถือและปฎิบัติตามศีล5 

การปฎิบัติตนแสดงถึงความรักศาสนา
-การปฎิบัติตามคำสอนอย่างแท้จริง
ไม่ใช่แค่การไปทำบุญหรือการเข้าวัดเท่านั้นที่แสดงถึงความรักและนับถือในศาสนา แต่การนำความรู้ คำสอนต่างๆไปปฎิบัติเป็นกิจวัตรต่างหากจึงจะเป็นการรักศาสนา แสดงว่าเราได้พร้อมยอมรับในการเป็นสาวกในศาสนานั้นๆ 
-นอกจากนี้ การช่วยทำนุบำรุงศาสนา ไม่ว่าช่วยดูแลวัดดูแลสมบัติของศาสนา เช่น พระพุทธรูป ศาสนสถาน ศาสนวัตถุต่างๆ


พระมหากษัตริย์


ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 1 ก็คงไม่มีประเทศไทยให้เราได้อยู่อย่างสุขสบาย
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 2 เราก็คงไม่มีหนังสือเรียนภาษาไทย
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 3  สุขภาพของคนไทย รวมไปถึงมีสังคมที่ย่ำแย่จากการเสพฝิ่น
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 4 ประเทศไทยก็คงไม่มีความก้าวหน้าทันสมัย รวมถึงการศึกษาด้วย
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 5 เราก็คงไม่มี รถไฟ สาธารนูปโภคต่างๆรวมถึงการศึกษา การมีอิสระทางสังคม และ
เราก็ไม่ต้องตกเป็นทาสใคร
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 6 เราก็คงไม่มีลูกเสือ และการฝึกความเป็นระเบียบวินัย การช่วยเหลือกัน
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 7 ประชาชนก็ไม่มีสิทธิเสียงในการเลือกผู้นำประเทศ
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 8 การแพทย์ของไทยก็คงไม่ก้าวหน้า
ถ้าไม่มีรัชกาลที่ 9 เราก็จัดการเรื่องน้ำท่วม ภัยธรรมชาติต่างๆ


ดังนั้น ถ้าไม่มีกษัตริย์ไทยเหล่านี้ ประเทศเราก็คง

ไม่ก้าวหน้า คนไทยเราก็ไม่อยู่อย่างสบายจนทุกวันนี้


ขอบคุณรูปภาพจาก
www.taamkru.com
*บทความนี้เขียนที่ www.bailerman.blogspot.com เป็นที่แรก*

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หอไอเฟล Eiffel Tower


หอไอเฟล
Eiffel Tower.

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.thairath.co.th/


มารู้จักหอไอเฟลกันเถอะ!


ถ้าใครที่ได้ไปที่  "กรุงปารีส" ในแดนน้ำหอมแห่งนี้ แล้วไม่ได้ไป ถ่ายรูป ชมบรรยากาศอันสวยงามที่บริเวณ "หอไอเฟล" แล้วล่ะก็ ต้องไม่มีใครเชื่อแน่ๆว่าไปเที่ยวถึงเมืองนี้จริงๆ

"หอไอเฟล (Eiffel tower) " ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยเหล็กธรรมดาๆ แต่กลับสวยงามจนสะกดสายตาและเป็นที่จดจำของผู้คนทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนี้ ในทุกๆปี มีผู้คนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกต่างหลั่งไหลเดินทางกันมาเพื่อชมความงามจาก "หอเปลือย" ซึ่งเป็นโครงสร้างเหล็กตั้งอยู่ที่ ชองป์ เดอ มารส์ บริเวณแม่น้ำแซน ในกรุงปารีส แห่งนี้ไม่ขาดสาย

    หอไอเฟลเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งชื่อตามสถาปนิกผู้ออกแบบ "กุสตาฟ ไอเฟล"
 ซึ่งสูงเท่ากับตึก 81 ชั้น
หอไอเฟลมีความสูง 300 เมตร 986 ฟุต ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 72 ฟุต ด้านบนนั้น ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้น ในขณะที่ก่อสร้างปี พ.ศ. 2432 ค.ศ. 1889 หอไอเฟลนั้นเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดบนโลก โดยถูกล้มตำแหน่งเมื่อเมืองนิวยอร์กได้สร้าง ตึกไครส์เลอร์ สูง 319 เมตร 1047 ฟุต
น้ำหนักเหล็กที่ใช้ก่อสร้างนั้นทั้งหมด 7,300 ตัน และถ้ารวมทั้งหมดก็เป็น 10,000 ตัน ส่วนจำนวนบันไดนั้นเปลี่ยนแปลงตลอด เมื่อแรกเริ่มนั้นมี 1710 ขั้น ในทศวรรษที่ 1980 มี 1920 ขั้น และในปัจจุบัน มี 1665 ขั้น

ในระหว่างการก่อสร้าง หอไอเฟลถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงรูปร่างของหอคอย กุสตาฟ ไอเฟล ถูกกล่าวหาว่าพยายามสร้างงานศิลปะที่ดูแล้วไม่มีศิลปะ การก่อสร้างให้หอคอยแกว่งตัวได้ไม่คำนึงถึงหลักวิศวกรรมศาสตร์ แต่อย่างไรก็ตาม กุสตาฟ ไอเฟล ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากงานก่อสร้างสะพาน กลับเป็นผู้ที่เข้าใจความสำคัญของแรงลม และเป็นผู้ที่รู้ว่าการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในโลก จะต้องแน่ใจว่ามันต้องต้านทานลมได้ และในตอนต้นศตวรรษที่ 20 หอไอเฟลถูกใช้เป็นศูนย์รับส่งสัญญานวิทยุ เมื่อปี 1909 ศูนย์วิทยุถูกก่อสร้างขึ้นอย่างถาวรที่หอไอเฟล และยังปรากฎให้เห็นในปัจจุบัน

ขอบคุณรูปภาพจาก http://1.bp.blogspot.com


 กุสตาฟ  ไอเฟล
(Gustave Eiffel)
หรือ อาเลกซ็องดร์ กูสตาฟว์ แอแฟล
(Alexandre Gustave Eiffel) 
เป็นวิศวกรและสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นปรมาจารย์ ในด้านการก่อสร้างด้วยเหล็ก





กระบวนการก่อสร้าง หอไอเฟล
ถึงแม้ว่า หอไอเฟล จะสร้างมาจากเหล็ก แต่กว่าจะออกมาสวยงามขนาดนี้ ก็ต้องมีการวางแผนแบบแปลนออกมาให้ดูสวยงามที่สุด จนได้ออกมาปรากฏสู่สายตาชาวเมืองเช่นนี้
แบบแปลนของ หอไอเฟล ที่ กุสตาฟ ไอเฟล ได้ออกแบบวางแผนและกระบวนการก่อสร้าง



 แบบแปลนข้อมูลเพิ่มเติม
 เมื่อออกแบบแบบแปลน วางแผน เสร็เรียบร้อยแล้วก็เริ่มกระบวนการสร้าง หอไอเฟล





























ชมคลิปประวัติความเป็นมาของหอไอเฟลแบบเจาะลึก จาก Youtube.com By คุณ vodkarainy




จุถ่ายรูป ชมวิวแบบฟินๆ กับ 'หอไอเฟล'
หอไอเฟลสร้างเสร็จ และมีพิธีเปิดวันที่ 31 มีนาคม 2432 และกลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกแทนอนุสาวรีย์วอชิงตัน จนกระทั่งเสียตำแหน่งให้แก่ตึกไครส์เลอร์ (319 เมตร หรือ 1,047 ฟุต) ไปในปี พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930)หอไอเฟลเป็นสิ่งปลูกสร้างสูงที่สุดในกรุงปารีส ถ้าเปรียบเทียบกับตึกแล้วจะมีประมาณ 75 ชั้นหอไอเฟลแกว่งตัวได้ตามแรงลม แกว่งได้ถึง 6-7 เซ็นติเมตร!



มุมกลางวัน ท้องฟ้าแสนสวย

Eiffel_tower_from_trocadero (640x411)
ขอบคุณภาพจากhttp://eurofollowme.com

มุมตอนเย็นๆ ในยามเย็น พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าในอีกไม่ช้า

เป็นอีกบรรยากาศที่น่าจะได้รูปสวยๆอีกสักอัลบั้ม ><
Paris-sunset-romantic-eiffel-tower-trocadero
ขอบคุณภาพจากhttp://eurofollowme.com


มุมกลางคืน แสงไฟส่องแสงท่ามกลางความมืดของท้องฟ้า 
ทำให้ตัวหอดูเด่นสง่าสวยงามมากๆ
202_1la_tour_eiffel___paris__france (640x430)
ขอบคุณภาพจากhttp://eurofollowme.com




จุดถ่ายรูปหอไอเฟลที่ดีที่สุด คือ ลานหน้าปราสาท 
Palais de Chaillot ใกล้ๆ กับสถานี Trocadéro จากมุมนี้ จะเห็นภาพหอไอเฟลแบบเต็มจอ ไม่มีต้นไม้ เสาไฟฟ้าบังให้เสียอารมณ์ (จะมีก็คือคนอื่นๆ ที่เข้ามาปนอยู่ในกล้องเรา) นักท่องเที่ยวแอ็คท่ากันสุดชีวิต ท่าพิงหอ แบกหอ จับหอ                      แล้วแต่จะครีเอท



วิธีเดินทาง Metro หรือรถไฟใต้ดิน สาย 6 หรือ 9 ลงสถานี Trocadéro

Trocadero

ขอบคุณภาพจากhttp://eurofollowme.com
ขอบคุณข้อมูลจาก http://eurofollowme.com